หน้าหลัก/บทความ/ ข่าวสาร / บทสัมภาษณ์: โรงเรียนนานาชาติเรนทรี กับแนวคิดการเรียนรู้ที่สร้างสุข/
18 กันยายน 2025
0

บทสัมภาษณ์: โรงเรียนนานาชาติเรนทรี กับแนวคิดการเรียนรู้ที่สร้างสุข

favorite

วันนี้นานมีบุ๊คส์มาพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติเรนทรี กับแนวคิดการเรียนรู้ที่สร้างสุขให้กับเด็ก ๆ ผ่านกิจกรรมที่ดึงความคิดสร้างสรรค์และความสนุกสนานอย่างการวาดรูประบายสี กลายเป็นงานศิลปะที่ต่อยอดสู่การเรียนรู้เรื่อง “การให้” หนังสือให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน มูลค่ากว่า 600,000 บาท  ผ่านโครงการ “มอบอนาคตมอบหนังสือ (Get & Give) คุณซื้อเราทบ ปันน้ำใจช่วยเหลือน้ำท่วม” ซึ่งบริจาคให้โรงเรียนกว่า 15 โรงเรียน 


ในโลกที่การศึกษามุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ แต่โรงเรียนนานาชาติเรนทรีกลับเลือก “การให้” เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ และหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยแนวคิด “Purposeful Play” ที่นำการเล่นมาผสานกับการพัฒนาอย่างรอบด้าน ผนวกเข้ากับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เติบโต เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีหัวใจแห่งความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร และการร่วมมือ พบกับบทสัมภาษณ์พิเศษจากผู้บริหารหญิง 2 พี่น้องผู้อยู่เบื้องหลังโรงเรียนกลางกรุง ที่เชื่อว่า “การให้” คือหนึ่งในบทเรียนสำคัญที่สุดของชีวิต

 


คุณใหม่ – พรรณรจน์ ชลิตอาภาณ์  (CEO โรงเรียนเรนทรี อินเทอร์เนชันแนล สคูล):

คุณทิพย์ – วรจรรย์ จิราธิวัฒน์  (ผู้ก่อตั้งร่วม ดูแลการตลาดและ admission)

 

วันนี้นานมีบุ๊คส์มาเยี่ยมเยียนโรงเรียนเรนทรีดูแล้วมีความพิเศษหลายอย่างมาก ๆ ค่ะ ทั้งพื้นที่สีเขียวและสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นใจกลางเมือง อยากทราบว่า “เรนทรี” มีความเป็นมาอย่างไร แล้วในแง่ของการเรียนการสอน โรงเรียนมีแนวทางที่แตกต่างจากที่อื่นอย่างไรบ้างคะ

 

คุณใหม่:

สำหรับชื่อ “เรนทรี” มาจาก “ต้นจามจุรี” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Rain Tree” ค่ะ  เรารู้สึกว่าพื้นที่นี้มีต้นจามจุรีค่อนข้างเยอะ ตอนที่สร้างสถานที่สิ่งแรกที่เราทำเลยคือการดูว่าต้นไม้อยู่ตรงไหน แล้วเราก็อยากที่จะออกแบบเอาตึกล้อมต้นไม้ไว้ เก็บต้นไม้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะเราเชื่อว่า เด็กในเมืองควรมีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่งโชคดีว่าโรงเรียนตั้งอยู่ใจกลางย่านสาทร ซึ่งแถวนี้ไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่แล้ว ก็เลยเป็นคอนเซ็ปต์ว่าทำไมอาคารเรียนของเราจึงออกแบบเป็นรูปตัว S ล้อมต้นไม้ใหญ่ไว้สองจุดหลัก เพื่อให้ห้องเรียนทุกห้องมองเห็นพื้นที่สีเขียว สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการเรียนรู้



คุณทิพย์:

การเรียนการสอนส่วนใหญ่นำเสนอผ่าน “การเล่น” เพราะเรารู้ดีกว่าเด็กอยากเล่น เพราะฉะนั้นถ้านำเสนอโดย “การเล่น” ที่เด็กสนใจ มันจะให้ประโยชนสูงสุดค่ะ เราจึงเลือกใช้การเรียนการสอนแบบ “Purposeful Play” แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะเล่นอะไรก็ได้นะคะ  ทุกกิจกรรมที่เด็กทำจะอยู่บนพื้นฐานของแผนการเรียนรู้ที่วางไว้ ดังนั้นเด็กเองก็จะได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นผ่านการเล่น ในลักษณะเหมือนการเรียนการสอนแบบ WIN-WIN ผู้สอนได้สอนในสิ่งที่สำคัญและผู้รียนก็ได้สนุกกับการเรียน  

 ความสุขของเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรนทรี  ที่นี่เรายึดหลัก “3C” คือ เรื่องของความสุขในการเรียนรู้ ความสามารถในการพูด(Communication) ความคิดสร้างสรรค์(Creativity) และความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่นได้(Collaboration)


คุณใหม่:

หลักสูตรของเราให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนของผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (life long learner)ซึ่งถือเป็นคุณค่าหลักที่เรายึดถือ ดังนั้นทุกครั้งที่เราวางแผนการจัดการเรียนรู้ เราจึงพยายามออกแบบให้ส่งเสริมแนวทางเหล่านี้ในทุกหลักสูตร

ทุกคนจะเห็นรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกันผ่านการเรียนการสอนอย่างชัดเจนค่ะ  คุณครูจะให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม ไม่ได้เน้นแค่ผลงานรายบุคคลเพียงอย่างเดียว แม้อาจมีบางกิจกรรมที่เป็นผลงานเดี่ยว แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียนรู้และลงมือทำร่วมกัน

เป้าหมายคือให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการอยู่ร่วมกัน และทำงานร่วมกันอย่างสันติ ตัวอย่างง่าย ๆ ที่ผู้ปกครองมักตั้งคำถามคือ “เด็กเล็กจะเรียนรู้เรื่องการทำงานร่วมกันได้อย่างไร”

ขอยกตัวอย่างจากกิจกรรมปั่นจักรยาน แม้ว่าเราจะมีจักรยานหลายคัน แต่เราจะนำออกมาแค่ 3 คัน สำหรับเด็กห้องหนึ่งที่มีประมาณ 15 คน คำถามคือ แล้วเด็ก ๆ จะต้องแบ่งกันเล่นอย่างไร

หากเพื่อนคนหนึ่งกำลังปั่นอยู่ แล้วฉันอยากเล่นบ้าง ฉันจะขอเล่นจากเพื่อนอย่างไรให้เหมาะสม หรือถ้าฉันเป็นคนที่ปั่นอยู่ แล้วมีเพื่อนมายืนรอ ฉันจะผลัดให้เพื่อนเล่นต่อยังไง

 

สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้เรื่องการทำงานร่วมกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังทักษะทางสังคมที่เราใส่ใจ ตั้งแต่ระดับเด็กเล็กเลยค่ะ


ห้องสมุดที่นี่มีความเป็นห้องพิเศษออกแบบมาอย่างน่าสนใจเลยค่ะ เป็นบล็อกไม้วางเรียงกัน อยากทราบถึงจุดเริ่มต้นของห้องสมุดที่สร้างแรงบันดาลใจแบบนี้ค่ะ


คุณทิพย์:

ความรักในการเรียนรู้เนี่ยก็คืออีกหนึ่งหัวใจหลัก ของนักเรียนเรนทรีเหมือนกันค่ะ อย่างห้องสมุดที่เรนทรีมันเกิดจากโจทย์ที่ว่า เราจะทำยังไงให้เด็ก ๆ รักการอ่าน ไม่ใช่แค่อยากให้เข้าห้องสมุดเพราะแค่มีแอร์เย็น  และมองว่าหนังสือและการอ่านเป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็เลยมีความคิดที่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้เด็ก ๆ รู้สึกดีกับการอ่าน เราเลยตั้งใจว่าห้องสมุดนี้จะต้องสร้างแรงบันดาลใจและทำให้เด็กรู้สึกดีกับการอ่านให้ได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าห้องสมุดจะมีมุมที่คล้ายเขาวงกต ให้เข้ามาค้นหาหนังสือที่อยากได้ 

ยิ่งไปกว่านั้นเราจะไม่บังคับว่าเด็กต้องอ่านเล่มไหน แต่ที่นี่เด็ก ๆ จะเข้ามาหาหนังสือเอากลับบ้านไปอ่านกับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน พอเป็นหนังสือที่เด็กเลือกเอง คุณพ่อคุณแม่ก็จะสามารถเล่าได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าเล่า ๆ อยู่แล้วเด็กๆ จะวิ่งหนีไป เป็นการช่วยกระตุ้นให้พวกเขาอยากฟัง อยากเรียนรู้มากขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้พ่อแม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกผ่านการอ่านค่ะ



ห้องสมุดที่นี่มีหนังสือนานมีบุ๊คส์หลายเล่มเลย อยากรู้ว่ารู้จักนานมีบุ๊คส์ได้อย่างไรคะ และทราบว่าโรงเรียนมีโครงการ “Art Auction” เพื่อการให้ ร่วมกับ “นานมีบุ๊คส์” โดยเฉพาะการบูรณาการเรื่อง “การให้” เข้ากับการเรียนรู้ อยากให้เล่าจุดเริ่มต้นของโครงการนี้สักหน่อยค่ะ



คุณใหม่: จริง ๆ รู้จักกับ CEO (คิม จงสถิตย์วัฒนา) ของนานมีบุ๊คส์อยู่แล้ว และพบว่าเราต่างก็มีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน เราเล็งเห็นว่าหนังสือของนานมีบุ๊คส์ได้ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วว่าเหมาะกับเด็กเล็ก ซึ่งเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่สอดคล้องกับแนวทางของเรนทรี

 

คุณทิพย์:

สิ่งสำคัญคือการสอนให้นักเรียนเป็นคนดี เป็นคนดีกับคนรอบข้าง รับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อม และการให้ก็เป็นการช่วยเหลือผู้อื่น ถือเป็นหนึ่งในคุณค่าหลักที่อยู่ในกระบวนการปลูกฝังเด็กให้เติบโตเป็นคนดี เรื่องของการมีน้ำใจ การช่วยเหลือผู้อื่น สิ่งนี้ได้ถูกผสานเข้าไปในชีวิตประจำวันของเด็กที่นี่ ไม่ใช่ในรูปแบบของวิชาใดวิชาหนึ่ง แต่เด็กที่นี่จะได้ช่วยเหลือและเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา

 

คุณใหม่:

บางครั้งเราก็จะมีการเรียนรู้เรื่อง “ความใจดีมีเมตตา” ด้วยค่ะ อย่างเช่นเด็ก ๆ เล่าให้ฟังว่า วันนี้มีเพื่อนร้องไห้ หรือวันหนึ่งเขาร้องไห้ แล้วมีเพื่อนเดินเอาทิชชู่มาให้ พร้อมกับถามว่า “Are you okay?”  อะไรแบบนี้ มันคือการปลูกฝังคุณค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการดูแลเพื่อน การดูแลสังคม รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย” เพราะฉะนั้นเราจึงใส่ใจที่จะปลูกฝังค่านิยมเหล่านี้ให้ซึมซับอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ

อย่างกิจกรรม “Art Auction” ที่เราทำก็เริ่มต้นมาจากช่วงคริสต์มาสค่ะ เรารู้ว่าช่วงคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่และเพื่อน ๆ มักจะแลกของขวัญกัน แต่อย่างที่เรารู้ เด็ก ๆ ของเราเป็นเด็กที่มีโอกาสค่อนข้างมากอยู่แล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าช่วงเวลานี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ลอง “เป็นผู้ให้” จริง ๆ บ้าง โดยให้กับผู้ที่อาจมีโอกาสน้อยกว่า

ตรงนี้เองจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้น ว่าทำไมทุก ๆ ปีในช่วงคริสต์มาส เราถึงไม่ให้ผู้ปกครองซื้อของมาแลกกันเองเหมือนทั่วไป แต่เราทำเป็นกิจกรรมร่วมกันในฐานะ “community” เพื่อระดมทุน (raise fund) แล้วนำเงินตรงนั้นไปช่วยเหลือหรือบริจาคให้กับโครงการต่าง ๆ ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการช่วยเหลือเด็ก สัตว์ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นโครงการที่มีคุณค่าและสมควรได้รับการสนับสนุนแบบนี้ค่ะ


โครงการนี้ทำมานานแค่ไหนแล้วคะ และปีนี้ทำไมถึงเลือกเป็นการให้หนังสือ ภายใต้โครงการ “โครงการมอบอนาคตมอบหนังสือ” เริ่มต้นอย่างไรคะ

คุณใหม่/คุณทิพย์: เราทำทุกปีค่ะ

คุณใหม่: โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีแรกที่เราเปิดโรงเรียนเลยค่ะ ตอนนั้นเราเริ่มสังเกตว่า ช่วงคริสต์มาสมักจะมีการแลกของขวัญกัน คุณพ่อคุณแม่ก็จะไปซื้อของมาเพื่อนำมาแลกกันในงาน ซึ่งเรารู้สึกว่า แทนที่เราจะให้ของขวัญกันเองแบบเดิม ๆ ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้ในการ “ให้” กับคนอื่นบ้าง ซึ่งโชคดีมากที่ผู้ปกครองที่นี่มีวิสัยทัศน์ตรงกันว่า อยากเป็นผู้ให้ และอยากให้ในโครงการที่เรารู้ว่ามันสร้างอิมแพกต์ได้

หากถามว่าทำไมเราถึงเลือก “โครงการมอบอนาคตมอบหนังสือ” ของนานมีบุ๊คส์ จริง ๆ ก็เพราะว่าเราติดตามมานาน และเห็นว่านานมีบุ๊คส์มีการทำ CSP ตลอด และเชื่อว่าเงินที่เราจ่ายให้กับสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์จะถูกส่งมอบไปถึงผู้รับจริง ๆ แล้วก็สร้าง “การให้” ที่มีความหมายได้จริง ๆ  แล้วยิ่งเป็นหนังสือที่อาจดูธรรมดา แต่เราเชื่อว่าสามารถสร้างความสุข และมีพลังมากพอที่จะจุดประกายความสุขในใจของเด็ก ๆ ที่ได้รับไปได้


คุณทิพย์: จริง ๆ โครงการเราเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ  เราหาโครงการใหม่ ๆ แต่พอเป็นหนังสือเราก็คิดว่าต้องเป็นนานมีบุ๊คส์

 
แล้วโครงการ “Art Auction” ที่นำเด็ก ๆ ไปสู่การให้นี้ทางโรงเรียนมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรบ้างคะ

 

คุณทิพย์: เนื่องจากทุก ๆ ปี นักเรียนที่นี่จะทำงานศิลปะที่เรียนกว่า “Process art” อยู่แล้ว เรารู้ดีว่าศักยภาพของเด็กเราสูงมาก เราจะไม่ให้เขาทำเพียงแค่ “Art and craft” หรือการระบายสีในกรอบเพียงอย่างเดียว  แต่เราจะให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการทำ  “Process art” และเราจะไม่จำกัดจินตนาการของเด็ก ๆ พอได้เห็นผลงานของพวกเขาแล้วเราก็มั่นใจเลยว่า เรามีสินค้าที่ขายได้แน่ ๆ เพราะผู้ปกครองเองก็อยากได้ผลงานลูก เราจึงใช้ผลงาน (ของเด็ก ๆ) มาจัดประมูลในหมู่ผู้ปกครอง แล้วนำเงินทั้งหมดที่ได้จากการประมูลไปบริจาค โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ

 




คุณใหม่: กิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่สร้างประโยชน์ แต่ยังสร้างความสนุกให้เด็ก ๆ อีกด้วย รวมถึงผู้ปกครองก็รู้สึกมีส่วนร่วม ได้มีบทบาทในโครงการนี้ ได้เห็นผลงานของลูก ๆ และรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งดี ๆ นี้ กลายเป็นกิจกรรมใหญ่ประจำปีของโรงเรียนที่ทุกคนรอคอย

คุณทิพย์: กิจกรรมมีทุกปี แต่เราอาจเลือกสิ่งที่บริจาคหรือการบริจาคที่ต่างกันออกไป


คุณใหม่: สำหรับปีที่ผ่านมา เราเลือกหนังสือเพราะว่าโรงเรียนอยากปลูกฝังให้เด็กเป็นนักการเรียนรู้ ซึ่งหนังสือก็ตอบโจทย์อยู่แล้ว พูดง่าย ๆ เลยค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่ถามว่าอยากให้ลูกเก่งต้องทำยังไง งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า “การอ่านหนังสือร่วมกับลูก” คือวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา ความคิดวิเคราะห์ หรือความรักในการอ่าน แม้เด็กบางคนจะอ่านไม่ออก แต่การที่ผู้ปกครองนั่งอ่านและพูดคุยกับเด็กช่วยเสริมพัฒนาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งเรามองว่ามันตอบโจทย์ทุกอย่าง และหนังสือก็เป็นสิ่งที่ใหม่เชื่อว่าคุ้มกับเม็ดเงินที่จ่ายไป


แล้วผลตอบรับจากโครงการนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ


คุณใหม่: ใหม่เพิ่งได้รับฟีดแบ็กและได้รับรูปภาพจากนานมีบุ๊คส์ก่อนจะส่งรูปเหล่านั้นให้คุณพ่อคุณแม่ดูว่าจากเงินบริจาคที่เราได้ระดมทุนในเดือนธันวาคม จากโครงการ “มอบอนาคตมอบหนังสือ” ตอนนี้สามารถบริจาคหนังสือไปยังโรงเรียนได้ถึง 15 แห่ง โดยแต่ละโรงเรียนได้รับหนังสือประมาณ 300 เล่ม ทุกคนดีใจมาก  และได้คุยกับเด็ก ๆ ว่ารูปที่พวกเขาทำสามารถช่วยน้อง ๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งพวกเขาก็ดีใจมาก คุณพ่อคุณแม่เองก็มีความสุขที่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขามีสามารถมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ให้ ทำให้ผู้รับได้รับโอกาสและความสุขในชีวิต ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็มีใจอยากมีส่วนร่วมในเรื่องความใจดีมีเมตตาอยู่แล้วด้วยค่ะ

คุณทิพย์: ถึงแม้ว่าจะไม่มีการติดตามผลหรือฟีดแบ็กกลับมาโดยตรง แต่ผู้ปกครองเองก็มีความสุขกับการให้มาตั้งแต่วันที่ร่วมประมูลงานและบริจาคไปแล้วค่ะ พวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรเพิ่มเติม แค่รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคม 

และขอบคุณทางนานมีบุ๊คส์ที่มีการส่งรูปภาพหรือติดตามผลมาให้ดูบ้าง ซึ่งเราก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นตรงนี้ อย่างไรก็ตาม เรานั้นก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะทุกคนเชื่อมั่นในองค์กรอย่างนานมีบุ๊คส์อยู่แล้วว่าเงินที่ระดมทุนไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในโครงการที่ดีและเกิดผลจริง ๆ

 


อยากทราบความรู้สึกของทั้งสองท่านที่มีต่อโครงการ “มอบอนาคตมอบหนังสือ” ของนานมีบุ๊คส์หน่อยค่ะ

คุณใหม่: เราเปิดโรงเรียนเพราะให้ความสำคัญด้านการศึกษา และเด็กในโรงเรียนเราก็ไม่ได้เยอะมาก แต่เราทราบดีกว่ายังมีเด็กอีกหลายล้านคนที่ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาในลักษณะนี้ เราก็เลยมีความรู้สึกที่อยากทำอะไรบางอย่างเพื่อสนับสนุนเด็ก ๆ คนอื่น ซึ่งหนังสือจึงตอบโจทย์นี้ และใหม่คิดว่า หนังสือเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ลงทุนไม่มาก แต่กลับให้ผลกระทบและคุณค่าทางการเรียนรู้ที่สูงมาก ซึ่งก็รู้สึกดีใจที่นานมีบุ๊คส์เป็นสื่อการเรียนการสอนที่ดีให้กับพวกเขาได้ จริงที่ว่าการเรียนการสอนมีมาก แต่โครงการของนานมีบุ๊คส์เข้าถึงโรงเรียนได้ในหลายพื้นที่ แม้กระทั่งโรงเรียนรัฐบาลในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งใหม่มองว่านี่คือสื่อที่สามารถเข้าถึงทุกโรงเรียนได้จริง


คุณทิพย์: ต้องขอบคุณนานมีบุ๊คส์สำหรับโครงการนี้เหมือนกัน ที่เป็นตัวกลางให้เราได้ส่งความช่วยเหลือ ส่งต่อไปให้กับเด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกล ขอบคุณที่นานมีบุ๊คส์มาช่วยเป็นพาร์ทเนอร์และทำให้เกิดโครงการดี ๆ แบบนี้ขึ้นได้ เพราะลำพังให้เราทำกันเองก็อาจจะยุ่งยากหลายขั้นตอนกว่าจะได้ถึงแต่ละโรงเรียน แต่นานมีบุ๊คส์เข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ เท่ากับเราสามารถส่งมอบให้โดยไม่ต้องยุ่งยากอะไร ขอให้สานต่อโครงการดีๆ แบบนี้ต่อไป เพราะนอกจากโรงเรียนแล้ว โครงการนี้อาจจะไปได้ดีกับอีกหลาย ๆ องค์กร หลายหน่วยงาน ยิ่งถ้าคุกคนร่วมมือกันเป็นวงกล้าง ทิพย์มองว่าผลลัพธ์มันก็จะยิ่งดี


คุณใหม่: เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าศักยภาพของนานมีบุ๊คส์เป็นยังไง แล้วยิ่งเป็นโครงการที่นานมีบุ๊คส์ทำร่วมกับ “เทใจดอทคอม ชุมชนการให้เพื่อคนไทย” ก็ยิ่งเชื่อมั่นได้เลยว่ามันเกิดผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน สำหรับผู้ประกอบการหรือโรงเรียนที่อยากมองหาโครงการดี ๆ ที่รู้สึกว่า เงินที่บริจาคไปจะต้องถูกส่งต่อไปถึงมือผู้รับจริง ๆ แล้วได้ผลจริง ๆ ก็ขอให้สบายใจกับโครงการนี้ของนานมีบุ๊คส์ได้เลย เพราะส่วนตัวใหม่มองว่า โครงการลักษณะนี้สามารถตอบโจทย์ stakeholder ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนว่าเงินที่ระดมทุนมาไปถึงมือน้อง ๆ จริง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์กรหรือผู้ร่วมบริจาคหลายฝ่าย ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 

ที่สำคัญคือโครงการลักษณะนี้สามารถเลือกทำเท่าที่สะดวกได้ ไม่ว่าจะมีงบประมาณมากหรือน้อยก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง ต่างจากบางโครงการที่อาจมีขั้นต่ำในการบริจาค เช่น ต้องถึงจำนวนหนึ่งถึงจะซื้ออุปกรณ์ได้ แต่กับโครงการหนังสือนี้ ต่อให้บริจาคได้น้อยก็แปลว่าได้หนังสือเพิ่มอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งหนังสือเพียงสิบเล่ม ร้อยเล่ม หรือพันเล่ม ล้วนสามารถสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ได้ทั้งนั้น จึงตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการเห็นผลชัดเจนในทุกระดับงบประมาณ

 

คุณทิพย์: ทิพย์มองว่าส่วนที่สำคัญจริง ๆ คือ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ได้

 

คุณใหม่: อีกอย่างคือโครงการนี้ มีหลักฐานในการยืนยันว่า ทุกบาทที่บริจาคไปส่งไปถึงผู้รับจริง ๆ และยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

 

ยิ่งมาเห็นการเรียนการสอน และสภาพแวดล้มในโรงเรียนเรนทรีแห่งนี้ ยิ่งมั่นใจได้เลยว่าเด็ก ๆ จะสนุก ได้รับการเรียนรู้เป็นอย่างดี และมีความสุขกับทุก ๆ กิจกรรมที่ทางโรงเรียนปลูกฝังและสร้างสรรค์แนวคิดที่ดีมาก ๆ ให้กับลูก ๆ ทุกคน จนผู้ปกครองสามารถไว้วางใจคุณภาพและพัฒนาการที่ลูกจะได้รับเป็นอย่างดีเลยค่ะ


คุณทิพย์: ขอบคุณที่เยี่ยมเยียนมาหาพวกเรานะคะ  เรนทรีเป็นโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับ “ความสุขของผู้เรียน” ผ่านการพัฒนา Creativity, Communication และ Collaboration ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยความสุข เป็น Community ของ Life-Long Learners อย่างแท้จริงค่ะ

 

โรงเรียนเรนทรีไม่เพียงเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะคุณค่าของการแบ่งปันและการเป็นผู้ให้ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์อย่าง “Art Auction” ที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ว่าศิลปะชิ้นเล็ก ๆ ของพวกเขาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ได้

ความร่วมมือกับนานมีบุ๊คส์จึงไม่ใช่เพียงการจัดกิจกรรมร่วมกัน แต่คือการสร้าง “ระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้” ที่ขยายผลไปไกลกว่าแค่ในรั้วโรงเรียน


ลักษณะโครงการ

เงินบริจาคของคุณ จะเป็นพลังสำคัญในการส่งต่อหนังสือให้น้องๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม

นานมีบุ๊คส์ร่วมกับเทใจ จัดโครงการ “Get And Give คุณซื้อ เราทบ” ชวนคุณร่วมบริจาคเงินเพื่อจัดซื้อหนังสือให้น้องๆ ในโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคเหนือและอีสาน โดยเฉพาะโรงเรียนที่หนังสือเรียนเสียหายจากน้ำท่วม

ทุกยอดบริจาค นานมีบุ๊คส์จะสมทบหนังสือ Go Genius Mini — หนังสือจิ๋วเสริมความรู้ที่พกพาง่าย อ่านสนุก และเหมาะกับเด็กทุกวัย เพื่อเติมเต็มการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะ และจินตนาการ

ที่ผ่านมา โครงการได้ส่งต่อหนังสือไปแล้วกว่า 162 โรงเรียน แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่รอความช่วยเหลือจากคุณ

ร่วมสร้างอนาคตที่ดีให้เด็กไทย ด้วยพลังแห่งหนังสือและการอ่าน

ติดต่อ

💝ร่วมบริจาคสมทบทุนของท่านพร้อมอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://taejai.com/th/project/chd-GetAndGivenanmeebook

หรือโทร  06-6125-2743 (คุณเกรป)

Email : ebiz3@nanmeebooks.com 

Line ID : nmb1236

avatar - Writer | นานมีบุ๊คส์
Writer
นานมีบุ๊คส์
เราเชื่อว่า “หนังสือสร้างตัวตน” เราคัดเลือกหนังสือคุณภาพดีอย่างตั้งใจจากทั่วโลก ไม่ว่าจะแปลจากภาษาอังกฤษ เยอรมัน โปแลนด์ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สเปน ฝรั่งเศส สวีเดน และ ประเทศไทย
ลูกค้าสัมพันธ์
การช่วยเหลือ
บริการต่างๆ
เกี่ยวกับเรา
เลขที่ 11 ซอยสวัสดี ซอย สุขุมวิท 31
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
กรุงเทพมหานคร 10110

ตรวจสอบสถานะการจัดส่ง
ติดตามเราได้ที่
ช่องทางการชำระเงิน
  • Mastercard
  • Visa
© 2025 nanmeebooks.com All Right Reserved.